วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รวบรวมแนวข้อสอบการจัดการภาวะวิกฤติ

ส่วนที่ 2 อาจารย์เจตน์ ธนวัฒน์
ให้ท่านตรวจสอบความเสี่ยงและหาหนทางอย่างเป็นระบบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะวิกฤติในองค์กรที่ท่านรับผิดชอบ พร้อมทั้งรับมือกับภาวะวิกฤติโดยจัดทำแผนสำรอง เพื่อลดความเสียหายและให้เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยยกตัวอย่าง 1 กรณี

ส่วนที่ 3 พล.อ.ดร. เกษมชาติ นเรศเสนีย์
1. การก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศในทุกๆด้าน ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายสากลมักมุ่งโจมตี และทำความสูญเสียให้แก่ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ให้ท่านอธิบายสงครามการก่อการร้าย 2 ประเด็น ดังนี้
1.1 ให้ระบุสาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของขบวนการก่อการร้ายสากล จำนวน 3 ข้อ พร้อมกับอธิบายให้เข้าใจพอสังเขป
1.2 ให้ท่านเสนอแนวทางการยุติปัญหาการก่อการร้าย อย่างน้อย 5 ข้อ พร้อมอธิบายพอสังเขป

2. ให้ท่านอธิบายสาเหตุของการก่อการร้ายในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยอย่างน้อย 3 ข้อพร้อมอธิบายให้เข้าใจ และให้เสนอแนวทางหารแก้ปัญหาเพื่อยุติสงครามการก่อการร้าย และเหตุรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวด้วย

ส่วนที่ 3 พล.อ.ดร. เกษมชาติ นเรศเสนีย์
1. ภาวะวิกฤติเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งจากมนุษย์สร้างขึ้น และเกิดขึ้นจากธรรมชาติสงครามการก่อการร้ายเป็นภาวะวิกฤติที่เกิดจากขบวนการก่อการร้าย และเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ซึ่งมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งต่างๆ

ให้ท่านอธิบายปัญหาการก่อการร้ายร้ายในเขตชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด ตามหัวข้อดังนี้
1.1 สาเหตุของการก่อการร้าย ( สาเหตุของปัญหา)
- ระดับสากล(การขัดแย้งทางศาสนา ปัญหาเชื้อชาติ และปัญหาในระดับภูมิภาค
- ระดับประเทศ(หน่วยราชการที่ปฏิบัติงานต่างๆในพื้นที่)
- ระดับท้องถิ่น(ปัญหาต่างๆในท้องถิ่น)
1.2 แนวทางการแก้ปัญหา
- ระดับยุทธศาสตร์
- ระดับยุทธวิธี
2. ให้ท่านอธิบายหลักการ และการปฏิบัติในการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันในการแก้ปัญหาการก่อการร้าย ตามหัวข้อดังนี้
2.1 การเตรียมการเมื่อท่านต้องเป็นผู้เจรจา
2.2 ลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เจรจา

ส่วนที่ 3 พล.อ.ดร.เกษมชาติ นเรศเสนีย์
1. ภาวะวิกฤตเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งจากมนุษย์สร้างขึ้น และเกิดขึ้นจากธรรมชาติสงคราม
การก่อการร้ายเป็นภาวะวิกฤตที่เกิดจากกระบวนการก่อการร้าย และเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดจาก
การกระทำของมนุษย์ซึ่งมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งต่าง ๆ
ให้ท่านอธิบายปัญหาการก่อการร้ายในเขตชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด ตามหัวข้อ ดังนี้
1.1 สาเหตุของการก่อการร้าย (สาเหตุของปัญหา)
- ระดับสากล (การขัดแย้งทางศาสนาปัญหาเชื้อชาติและปัญหาในระดับภูมิภาค)
- ระดับประเทศ (หน่วยงานราชการที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ ในพื้นที่)
- ระดับท้องถิ่น (ปัญหาต่าง ๆ ในท้องถิ่น)
1.2 แนวทางการแก้ปัญหา
- ระดับยุทธศาสตร์
- ระดับยุทธวิธี
2.ให้ท่านอธิบายหลักการ และการปฏิบัติในการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันในการแก้ปัญหาการก่อการร้าย ตามหัวข้อดังนี้
2.1 การเตรียมการเมื่อท่านต้องเป็นผู้เจรจา
2.2 ลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เจรจา

ส่วนที่ 3 พล.อ.ดร.เกษมชาติ นเรศเสนีย์
1. ปัญหาการก่อการร้ายเป็นภาวะวิกฤตอย่างหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ผู้บริหารต้องใช้หลักการบริหารที่แตกต่างไปจากภาวะปกติ ให้ท่านอธิบายรายละเอียดการก่อการร้าย ตามหัวข้อ 4 ประเด็น ดังนี้
1. สาเหตุของสงครามการก่อการร้าย
2. ยุทธศาสตร์ของการก่อการร้าย
3. ยุทธวิธีของการก่อการร้าย
4. หากผู้ก่อการร้ายจี้บังคับผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกัน และท่านต้องเป็นผู้เจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันนั้น ท่านจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ส่วนที่ 3 พล.อ.ดร.เกษมชาติ นเรศเสนีย์
1. ภาวะวิกฤตด้านความมั่นคงมักเกิดจากปัญหาการก่อการร้ายสากลที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงเป็นขบวนการทั่วโลกที่มุ่งทำลายผลประโยชน์ของประเทศสหรัฐอเมริกา และอังกฤษเป็นหลัก ในฐานะที่ท่านได้ศึกษาเรื่องการต่อต้านด้านการก่อการร้ายสากลมาโดยละเอียดแล้ว ให้ท่านตอบปัญหา 2 ข้อดังนี้
1.1 ให้อธิบายสาเหตุการก่อการร้ายสากลซึ่งประกอบด้วยปัญหาทางด้านศาสนาเชื้อชาติ และปัญหาในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองและปัญหาอื่น ๆ ในแต่ละภูมิภาค (ให้อธิบายโดยละเอียด)
1.2 ให้อธิบายสาเหตุการก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยและให้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้สามารถยุติปัญหาการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วด้วย
ส่วนที่1 ศ.นพ. วันชัย วัฒนศัพท์
การมีส่วนร่มวอย่างแท้จริงคืออะไร โปรดอธิบาย และอธิบายกระบวนการมีส่วนร่วมที่ทำให้เกิด การป้องกันและแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ความขัดแย้งมีกี่ประเภทอะไรบ้าง จงยกตัวอย่างกรณีที่ประสบมาเองและอธิบายว่าเป็นประเภทใด และอธิบายการแก้ไขปัญหาทั้งที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จทำไมจึงประสบความสำเร็จและทำไมจึงไม่ประสบความสำเร็จ
จงอธิบายหลักการแก้ปัญหาคามขัดแย้งด้วยการเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลาง และโดยเฉพาะการไกล่เกลี่ยโดยยึดจุดสนใจ (Interest-based Negotiation) พร้อมยกตัวอย่าง
ส่วนที่1 ศ.นพ. วันชัย วัฒนศัพท์
1. ตามที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้จัดให้มีการลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 นั้นท่านมีความเข้าใจการลงประชามติที่เป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมของประชาชนที่สำคัญ อย่างไร โปรดอธิบายหลักความคิดของการลงประชามติ ข้อดี ข้อด้อยของการลงประชามติ
และในฐานะเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรปกครองท้องถิ่น ท่านจงอธิบายข้อดีของรัฐธรรมนูญที่ลงประชามติสักหนึ่งประเด็น

2. ความขัดแย้งในท้องถิ่นนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น จากการที่ท่านมารับการศึกษาในหลักสูตร รปม. มหาบัณฑิตแห่งนี้ ท่านคิดว่าจะนำความรู้ไปแก้ปัญหาความขัดแย้งท้องถิ่นหรือองค์กรของท่านได้อย่างไร โปรดยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นที่เกิดกับท้องถิ่นหรือองค์กรของท่านและท่านจะเอาหลักการอะไรไปใช้แก้ปัญหาได้อย่างไร หรือปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมีการแก้ไขที่ตรงกับหลักการที่เรียนไปอย่างไร จงเลือกตอบพร้อมเหตุผล
3. ที่มีคำพูด การฟังอย่างตั้งใจหรือ Active Listening นั้น มีความสำคัญต่อการพัฒนา ประชาธิปไตย โปรดให้ความเห็นถึงหลักการของการฟังอย่างตั้งใจที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยอย่างไรโปรดอธิบาย
ส่วนที่1 ศ.นพ. วันชัย วัฒนศัพท์
1. ปัญหาการขัดแย้งในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการร่างโดย สสร. แล้วมีการทำประชาพิจารณ์ และกำลังจะทำประชามตินั้น ขอให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเรื่องของกระบวนการการมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญว่า การมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง (Meaning Publicpation Particpation) ได้เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร และทางออกของปัญหาการจะดำเนินการอย่างไร
2. ความขัดแย้งทางการเมืองในระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติ ที่มีเหตุการณ์หลาย ๆ ครั้งนำไปสู่ความรุนแรง นักศึกษาคิดว่าจะใช้วิธีการแก้ปัญหาอย่างไร โดยอาศัยทฤษฎีหลักการที่ได้เรียนมา
3. โปรดยกตัวอย่างปัญหาความขัดแย้งในท้องถิ่นของท่าน และวิเคราะห์ปัญหานั้น ๆ ตามหลักการทฤษฎีที่ท่านได้ศึกษามา และอธิบายถึงวิธีการที่จะแก้ปัญหาหรือที่ได้แก้ปัญหา (ไม่จำเป็นว่ากรณีที่ยกขึ้นจะเป็นเรื่องที่แก้สำเร็จแล้วหรือไม่ก็ตาม) หากจะใช้วิธีการเจรจาและคู่กรณีไม่ยอมมาเจรจา ท่านจะทำอย่างไรให้เขาหันมาสู่โต๊ะเจรจา


ส่วนที่ 1 ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์
2. จงอธิบายความหมาย หลักการ และเครื่องมือของการมีส่วนร่วมอย่างอย่างแท้จริง และทำไมจึงต้องใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
3. จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างจริงที่ท่านได้ประสบมาหรือรับรู้มา ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น ๆ และอธิบายแยกแยะชนิดของความขัดแย้งประเภทต่าง ไ ที่ได้รับมา ทั้งที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมจึงประสบความสำเร็จและทำไมจึงไม่ประสบความสำเร็จ
4. จงอธิบายหลักการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยการเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลาง และโดยเฉพาะการไกล่เกลี่ยโดยจุดยึดจุดสนใจ (Interrest – basen Negotiation)
ส่วนที่ 1 ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์
1. ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในองค์กร เช่น ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งระหว่างปลัดกับนายก ก็ดี หรือระหว่างนายก กับ สมาชิกสภาก็ดี ที่ท่านอาจจะเคยประสบ หรือได้รับรู้มา ในฐานะนักศึกษาที่ผ่านการศึกษาการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีมาแล้ว จงอธิบายหลักการและวิธีการแก้ปัญหาในองค์กรดังกล่าวและผลการแก้ปัญหา
2. ความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังดำรงอยู่นี้ ท่านคิดว่าจะมีทางออกของการแก้ไขปัญหาได้อย่างไรหรือไม่ จงอธิบายตามแนวคิดและทฤษฎีที่ได้เคยเรียนรู้มา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหรือการสานเสวนาโดยใช้การมองจุดสนใจแทนจุดยืน
3. การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง หรืออย่างมีความหมาย (Meaningful Public Partipation) อย่างไร จงอธิบาย

แนวข้อสอบวิชาการจัดการในภาวะวิกฤติ (โจทย์)

พล.อ.ดร. เกษมชาติ นเรศเสนีย์
- สาเหตุของการก่อการร้ายสากล ที่เนื่องมาจาก ศาสนา เชื้อชาติ และภูมิภาค โดยมีอุดมการณ์ทางการเมือง ให้อธิบายอย่างละเอียด - สาเหตุการก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องมาจากสาเหตุใด และท่านมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ได้อย่างไรบ้าง

แนวข้อสอบอาจารย์ท่านที่ 2
มี 3 ข้อ ให้เลือกทำ 2 ข้อ1. จากที่ท่านได้ศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแบบสันติวิถี มาแล้วนั้น ท่านนำมาใช้ในองค์กรของท่านได้อย่างไร ถ้าในองค์กรของท่าน มีปัญหาความขัดแย้ง ระหว่าง ปลัด กับนายก หรือ นายก กับสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้ท่านยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหา และผลที่ได้รับเป็นเช่นไร2. ในการเมืองในยุคปัจจุบัน ท่านมีวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อย่างไร 3. การมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถึงอะไร ให้ยกตัวอย่างการทำงานแบบมีส่วนร่วม ที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้
อาจารย์เจตน์
ให้ท่านตรวจสอบความเสี่ยงในหน้าที่ที่ท่านรับผิดในองค์กรของท่าน ว่ามีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง และให้จัดทำแผนสำรอง เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเร่งด่วน

แนวข้อสอบวิชาการจัดการภาวะวิกฤต

แนวข้อสอบวิชาการจัดการภาวะวิกฤติ
พลเอก ดร.เกษมชาติ นเรศเสนีย์
1. การก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศในทุกๆด้าน ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายสากลมักมุ่งโจมตี และทำความสูญเสียให้แก่ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ให้ท่านอธิบายสงครามการก่อการร้าย 2 ประเด็น ดังนี้
1.1 ให้ระบุสาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของขบวนการก่อการร้ายสากล จำนวน 3 ข้อ พร้อมกับอธิบายให้เข้าใจพอสังเขป
1.2 ให้ท่านเสนอแนวทางการยุติปัญหาการก่อการร้าย อย่างน้อย 5 ข้อ พร้อมอธิบายพอสังเขป
2. ให้ท่านอธิบายสาเหตุของการก่อการร้ายในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยอย่างน้อย 3 ข้อพร้อมอธิบายให้เข้าใจ และให้เสนอแนวทางหารแก้ปัญหาเพื่อยุติสงครามการก่อการร้าย และเหตุรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวด้วย
1.1 ตอบ “ การก่อการร้าย คือ การใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง ลัทธิศาสนา หรือ อุดมการณ์ โดยสร้างความหวาดผวาหรือความกลัวด้วยการข่มขู่หรือบังคับด้วยกำลัง ”
สาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของขบวนการก่อการร้ายสากล คือ การที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกมาแสดงบทบาท และให้คำจำกัดความสำหรับการก่อการร้ายนั้น จะสังเกตเห็นว่าองค์กรการก่อการร้ายส่วนใหญ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศมากกว่าครึ่งได้มุ่งเป้าหมายปฏิบัติการโจมตีผลประโยชน ์ ประชาชน และทรัพย์สินอันเป็นของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือมีความเกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก หากพิจารณาวิเคราะห์หาสาเหตุ อาจพอตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่าน่าจะสืบเนื่องมาจาก การดำเนินนโยบาย ทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ สังคม และระบบการเมืองโลกในปัจจุบัน อธิบายได้ว่าหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ระบบทุนนิยมนำโดยประเทศสหรัฐอเมริกาได้แพร่หลายเข้าไปยังระบบเศรษฐกิจประเทศต่างๆ แทนที่ระบบสังคมนิยมในเกือบทุกส่วนทั่วโลก ระบบทุนนิยมที่เปรียบเสมือนอำนาจอธิปไตยทางการค้า ที่กำจัดการผูกขาดทางการค้า เปิดโอกาสและสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกประเทศในการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน อย่างไรก็ตามระบบนี้กลับมีช่องว่างที่สวนทางกับเจตจำนงเดิมโดยสิ้นเชิง โดยผู้อาศัยช่องว่างดังกล่าวก็คือประเทศหรือผู้ที่มีศักยภาพทางเงินทุนมากที่สุด ที่มักจะมุ่งไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มและประเทศตนเองเป็นหลัก จากการแสวงหาประโยชน์โดยใช้ระบบทุนนิยมของกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพทางเงินทุน เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กลายมาเป็นสาเหตุในการสร้างความไม่พอใจต่อกลุ่มประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยมีสาเหตุปัจจัยสำคัญ ดังนี้
1.ปัญหาความแตกต่างทางสังคม สถานะของเศรษฐกิจที่เกิดการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างความรวยและความยากจน ที่เกิดขึ้นภายในประเทศกำลังพัฒนา และความแตกต่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างสถานะทางชนชั้นของบุคคลในสังคมเดียวกันเอง ระหว่างผู้ได้เปรียบและผู้เสียเปรียบ ผู้มีอำนาจกับผู้อยู่ใต้อำนาจ สภาวะนี้เองที่สร้างความไม่พอใจขึ้นในสังคมที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ อันเป็นสังคมที่ยากจนระดับล่าง ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งและการต่อต้านโดยกลุ่มบุคคลหรือกลุ่มประเทศที่มีความด้อยกว่าทางเศรษฐกิจ2.ปัญหาระบบองค์กรสากลที่พยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัฐ หลังระบบทุนนิยมได้แพร่หลายเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเกือบทุกประเทศทั่วโลก กลุ่มประเทศที่มีอำนาจทางการเงินได้ริเริ่มจัดตั้งองค์กรสากลกลางต่างๆ เพื่อเป็นกลไกในการดำเนินการทางเศรษฐกิจให้ทุกๆ ประเทศเดินไปในทิศทางและมาตรฐานเดียวกัน คอยควบคุมกำกับให้องค์กรออกกฎระเบียบ ข้อบังคับอันจะเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศตน และกลุ่มประเทศนี้เองที่ได้ใช้องค์กรกลางนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับรัฐบาลประเทศต่างๆ แทรกแซงการปฏิบัติงาน เข้าควบคุมระบบเศรษฐกิจ นโยบายดำเนินงานด้านการค้า บีบให้ทุกประเทศเข้าเป็นสมาชิก และกำหนดข้อบังคับให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตาม ด้วยวิธีการนี้ส่งผลให้ประเทศที่มีทุนน้อยไม่สามารถต่อสู้แข่งขันในทางการค้ากับประเทศที่มีเงินทุนมากได้ อันเนื่องจากการจำกัดด้วยระเบียบที่ต้องปฏิบัติและขั้นตอนที่มีมาก ทำให้ผลประกอบการจากการลงทุนนั้นได้กำไรน้อย เมื่อผลกำไรน้อย เงินทุนที่จะนำไปพัฒนาศักยภาพของสินค้าก็น้อย ไม่สามารถแข่งขันกับคู่ค้าที่มีเงินทุนสูงกว่ามากได้ รัฐเองก็จัดเก็บภาษีได้น้อย เงินที่เรียกเก็บได้เพื่อใช้พัฒนาประเทศก็ย่อมน้อยไปตามอัตราส่วนเดียวกัน ประเทศที่ยากจนอยู่แล้วก็จะยังคงยากจนต่อไป ดังนั้นระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่มีการแทรกแซงองค์กรกลางด้วยกลุ่มประเทศเงินทุนสูงนี้ จะยิ่งส่งผลเสียในระยะยาวต่อประเทศกำลังพัฒนา และเมื่อระบบเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาถูกเข้าครอบครองโดยกลุ่มนายทุนจากประเทศที่ร่ำรวย ก็จะเกิดความไม่พอใจจากกลุ่มคนยากจนในประเทศ ในที่สุดก็อาจก่อให้เกิดเงื่อนไขในการต่อต้าน และสร้างให้เกิดการก่อการร้ายขึ้นได้3.การแสวงหาประโยชน์จากแหล่งพลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติของกลุ่มประเทศร่ำรวย เมื่อเทียบอัตราส่วนของจำนวนประชากรกับการบริโภคทรัพยากร โดยเฉพาะพลังงานพบว่า กลุ่มประเทศที่ร่ำรวยมีการบริโภคในอัตราที่สูงมาก เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะที่มีจำนวนประชากรเพียง ๔ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรโลก แต่บริโภคพลังงานถึง 2๕ เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการใช้พลังงานของโลกทั้งหมด หากกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยใช้พลังงานในอัตราสิ้นเปลืองเช่นนี้หลายๆ ประเทศ การขาดแคลนทรัพยากรที่ให้กำเนิดพลังงาน คงมาถึงในไม่ช้า นอกจากนั้น แม้กลุ่มประเทศร่ำรวยจะมีแหล่งทรัพยากรพลังงานอยู่ แต่กลับสงวนไว้เป็นแหล่งพลังงานสำรองภายในประเทศ เพราะหากแหล่งพลังงานสำรองภายในประเทศถูกใช้หมด นั่นจะทำให้สถานะของประเทศไม่อาจที่จะมีอำนาจต่อรองในเวทีโลกได้ จึงมุ่งที่จะใช้พลังงานจากภายนอกประเทศก่อน และนี่เองเป็นสาเหตุในการเร่งหาแหล่งพลังงาน และอาจจะตอบคำถามได้ว่าทำไมประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรปจึงให้ความสนใจกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเป็นพิเศษ เพราะหากประเทศที่มีศักยภาพทางการเงินสูง สามารถเข้าควบคุมแหล่งน้ำมันของโลกได้ นั่นหมายถึงความสามารถที่จะควบคุมระบบเศรษฐกิจ การเงิน การค้าของโลกได้เช่นกัน ดังนั้นระบบทุนนิยมที่แอบแฝงผลประโยชน์ของกลุ่มประเทศที่มีอำนาจบางกลุ่ม ย่อมไม่สามารถสร้างความเท่าเทียมที่ยุติธรรมอย่างเสรีขึ้นได้จริง และยังอาจกระตุ้นความไม่เท่าเทียมระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจนนั้น ให้ขยายกว้างออกไปอีก การตอบโต้การเอารัดเอาเปรียบจากระบบทุนนิยมด้วยวิธีการก่อการร้ายจึงเกิดขึ้น
1.4 การที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพลังอำนาจมากที่สุดของโลก และเป็นผู้ที่ผลักดันและสนับสนุนการจัดระเบียบโลก โดยอาศัยองค์การสหประชาชาติในการสร้างความชอบธรรมมาโดยตลอด ประสบความ ล้มเหลวในกระบวนการสร้างความชอบธรรมในการทำสงครามกับอิรักบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศที่ต้องอาศัยฉันทามติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติรองรับ แต่ก็ยังดึงดันทำสงครามกับอิรักจนก่อให้เกิดกระแสคัดค้านไปทั่วทุกภูมิภาคในโลก ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนบางส่วนในประเทศสหรัฐฯ และพันธมิตรแนวร่วมผู้สนับสนุนการทำสงครามของสหรัฐฯ เอง แม้เมื่อสงครามยุติลงแล้ว สหรัฐฯ ก็ยังมีท่าทีที่จะกีดกันการเข้ามาแสดงบทบาทสำคัญของสหประชาชาติในการสถาปนาระบบการปกครองใหม่ในอิรัก และการมีส่วนในการบูรณะและฟื้นฟูประเทศอิรัก คงจำกัดบทบาทนำเพียงในเรื่องของการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเท่านั้น สงครามอิรักจึงได้ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์การสหประชาชาติในโครงสร้างการจัดระเบียบโลก อันจะนำไปสู่ความสับสนวุ่นวายและไร้เสถียรภาพบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศ เพราะอาจมีประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ใช้การทำสงครามเป็นเครื่องมือในการตัดสินปัญหาข้อขัดแย้งในลักษณะเดียวกัน รวมทั้งความร่วมมือกับ สหประชาชาติในบทบาทการรักษาสันติภาพหรือการแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างประเทศก็อาจลดน้อยลงตามไปด้วย นอกจากนั้น เมื่อขาดความเชื่อมั่นในบทบาทขององค์การสหประชาชาติ และเห็นภาพการแผ่อิทธิพลอำนาจของสหรัฐฯ และการกอบโกยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จะนำไปสู่ความต้องการในการถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐฯ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของตนจากการคุกคามที่อาจตามมา ประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ จึงอาจรวมตัวกันจนเกิดเป็นระบบโลกหลายขั้วอำนาจ (Multi - Polar System) ที่ล่อแหลมต่อความขัดแย้งรุนแรงระหว่างมหาอำนาจด้วยกันเอง เหมือนเช่นโลกในยุคก่อนสงครามโลก และในยุคสงครามเย็น
ประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงของการก่อการร้ายสากล แต่การก่อการร้ายในประเทศอาจเกิดขึ้นได้เสมอ เนื่องจากการก่อการร้ายในปัจจุบันมีลักษณะไร้พรมแดน มีการกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ และมีอำนาจตัดสินใจปฏิบัติการโดยอิสระมากขึ้น การที่ไทยเป็นประเทศเปิดเสรี จึงทำให้ผู้ก่อการร้ายสากลได้เคยใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่าน แหล่งพักพิงชั่วคราวและแหล่งจัดหาสิ่งสนับสนุนการปฏิบัติการ เช่น การจัดหาเอกสารปลอม จัดหาอาวุธ การอำพรางสถานะของบุคคล การรวบรวมข่าวสารและเงินทุน รวมทั้งพยายามจัดตั้งเครือข่ายปฏิบัติการขึ้นด้วย เนื่องจากไทยมีปัจจัยเกื้อกูลหลายประการ เช่น เป็นศูนย์กลางการคมนาคม การบังคับใช้กฎหมาย และการรักษาความปลอดภัยที่ย่อหย่อน ขาดประสิทธิภาพ การดำเนินงาน และปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ1.2 แนวทางการยุติปัญหาการก่อการร้าย
วิธีที่ดีที่สุดก็คือการค้นหาสาเหตุของการก่อการร้ายและพยายามแก้ที่สาเหตุดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนี้การแก้ปัญหาผู้ก่อการร้ายจึงมีสองมิติ ถ้าเป็นการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศก็ต้องหาสาเหตุของปัญหาที่นำไปสู่ความพยายามที่จะก่อการร้ายขึ้น เช่น ถ้าเป็นเรื่องความขัดแย้งของเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ ก็ต้องพยายามหาทางสร้างความสมานฉันท์ด้วยนโยบายและการแก้กฎหมายให้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน เป็นต้น แต่ถ้าเป็นการก่อการร้ายที่มีผลมาจากความแตกต่างในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง ความขัดแย้งทางศาสนา ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะสากล การก่อการร้ายอาจมิได้มุ่งทำร้ายประเทศที่มีการกระทำการก่อการร้ายโดยตรง แต่อาจจะมุ่งเน้นทำลายอาคารที่เป็นบริษัทของชาติที่เป็นศัตรู สถานทูต ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลในทางลบกับประเทศที่เป็นเป้าหมาย รวมทั้งประเทศที่มีอาคารและสถานทูตตั้งอยู่ ผลก็จะออกมาเป็นการก่อการร้ายที่มีผลกระทบในทางลบในระดับสากล การแก้ปัญหาการก่อการร้ายจึงต้องมุ่งไปที่สาเหตุ และถ้าเป็นกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มประเทศที่เป็นฝักเป็นฝ่าย เช่น มหาอำนาจตะวันตกกับกลุ่มประเทศที่นับถืออิสลาม ก็คงต้องมีการเจรจาระดับระหว่างประเทศและนานาชาติ โดยความร่วมมือขององค์กรต่างๆ หาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาบางเรื่องก็เป็นปัญหาที่ซับซ้อน มีประวัติความเป็นมายาวนานเช่นปัญหาความขัดแย้งในเรื่องข้อพิพาททางดินแดนซึ่งเกี่ยวพันกับประชากรซึ่งมีเผ่าพันธุ์และเชื้อชาติศาสนาที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและฉับพลันเช่นกรณีปาเลสไตน์ เป็นต้น ดังนั้น ประเทศเหล่านี้ก็จะมุ่งมั่นทำลายล้างซึ่งกันและกัน ทั้งโดยการรบแบบประจัญหน้า หรือโดยการก่อการร้ายด้วยการวางระเบิดแบบพลีชีพ ดังนั้น จนกว่าความขัดแย้งที่กล่าวมาเบื้องต้นจะมีการแก้ไขได้อย่างสัมฤทธิ์ผล การก่อการร้ายก็จะดำเนินอยู่ต่อไป
การแก้ปัญหาการก่อการร้ายอีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นวิธีการที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ ก็คือการสร้างข้อตกลงกับกลุ่มประเทศต่างๆ โดยมีมาตรการร่วมกันที่จะป้องกันและปราบปรามอย่างรุนแรงในลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าการพยายามก่อการร้ายนั้นจะไม่สมประสงค์และผลลัพธ์ที่ตามมาจะก่อให้เกิดความเสียหายพอๆ กัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข็ดขยาดหรือมีลักษณะเป็นการป้องปรามมิให้เกิดความเหิมเกริมของผู้ที่มีกระบวนการก่อการร้าย
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การก่อการร้ายซึ่งสร้างความเสียหายกับประเทศที่ถูกกระทำนั้น ได้นำไปสู่พฤติกรรมการปฏิบัติซึ่งแปลกแยกไปจากหลักการและประเพณีการปฏิบัติดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น การวางระเบิดที่เกาะบาหลีอันเป็นผลให้เกิดการเสียชีวิตของชาวออสเตรเลียเป็นจำนวนร้อยๆ คนนั้น ทำให้มีการประกาศนโยบาย Pre-emptive strike หรือการโจมตีเพื่อการป้องกันก่อนที่จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ซึ่งหมายความว่าถ้ามีข้อมูลแจ้งชัดว่าจะมีการวางระเบิดสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งคนของประเทศนั้นๆ พำนักอยู่ เช่นในโรงแรม เป็นต้น ประเทศซึ่งประชาชนของตนจะได้รับอันตรายสามารถที่จะยกกองกำลังข้ามแดนเข้าไปโจมตีกลุ่มบุคคลที่กำลังจะวางระเบิดโรงแรมนั้น ซึ่งถ้าหากมีเหตุการณ์อันนี้เกิดขึ้นโดยข้อตกลงระหว่างประเทศไม่แน่ชัด ก็จะเข้าข่ายการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศหนึ่ง กลายเป็นเหตุการณ์ระหว่างประเทศที่ใหญ่โตขึ้นได้ ที่สำคัญเป็นการกระทำที่ขัดต่อประเพณีและระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ ผลจากการก่อการร้ายจึงมีผลที่รุนแรง ไม่เพียงแต่การก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อระเบียบปฏิบัติในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย
การแก้ปัญหาการก่อการร้ายจึงต้องมองจากหลายมิติ ที่สำคัญที่สุดต้องแก้ปัญหาที่สาเหตุหรือที่เรียกว่ามูลเหตุอันเป็นรากฐาน การใช้วิธีการรุนแรงป้องปรามเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวร การผสมผสานระหว่างการป้องปรามและการเจรจาหาข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายพอใจน่าจะเป็นทางออกที่ที่สุด
สังคมโลกต้องแสดงให้เห็นว่าหลักนิติรัฐ(Rule of Law) เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปฏิบัติตาม และสหรัฐควรตระหนักว่าการใช้ดับเบิลสแตนดาร์ดในการปฏิบัติต่อปัญหาบางปัญหานั้นอาจเป็นสาเหตุโดยตรงของการก่อการร้าย
ข้อเสนอแนะในการยุติปัญหาการก่อการร้าย
ในด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งรัฐบาลประเทศและสังคมโลกต้องช่วยกันสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มเยาวชนที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นในอนาคต โดยการลงทุนร่วมในประเทศกำลังพัฒนา สนับสนุนการปฏิรูปท้องถิ่น และเปิดโอกาสการจ้างงานให้กับเยาวชน เช่นเดียวกัน การปฏิรูปทางการเมืองและการยอมให้มีส่วนร่วมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะลดความรุนแรงและการก่อการร้าย นอกจากนี้ จำเป็นจะต้องสร้างกระบวนการทางปฏิบัติที่ทำให้ผู้ก่อการร้ายออกจากขบวนการได้ (Disengagement) เช่นการนิรโทษกรรม การฟื้นฟูทางจิตใจและสังคม และการส่งเสริมอาชีพที่อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี (ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์)
การสร้างวิสัยทัศน์ทดแทน(Alternate Vision) ที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์และสันติวิธีก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้เห็นอย่างชัดเจน เพื่อทดแทนวิสัยทัศน์แบบสุดโต่งของกลุ่มก่อการร้าย ทั้งนี้ควรมีฐานอยู่บนความรุ่งโรจน์ของอิสลามในอดีต(Glorious Islamic Past) แต่เน้นการอยู่ร่วมกัน ความประนีประนอม และความเด่นทางวัฒนธรรมและการศึกษาของอารยธรรมอิสลาม เพื่อเป็นทางออกกับกลุ่มเยาวชนมุสลิม เช่นเดียวกัน ในสังคมมุสลิมเองก็ควรมีการทบทวนประวัติศาสตร์มุสลิมและเปิดสะพานสู่ตะวันตก เหมือนกับที่บรรพบุรุษชาวมุสลิมเคยทำมาแล้วโดยไม่หวั่นเกรงวัฒนธรรมตะวันตก แต่สนใจที่จะเรียนรู้จากกัน ในการนื้ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาและสื่อมวลชนในโลกมุสลิมเป็นพิเศษ
ในการดำเนินการให้ประสบความสำเร็จได้ จะต้องมี ตัวแสดง(Actors) หลายตัวเข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องเหล่านี้ เช่นนักการศึกษา กระบวนการประชาธิปไตย การปฎิรูปทางสังคมและการเมือง การมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของประชาสังคม และสื่อมวลชน ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
2. ให้ท่านอธิบายสาเหตุของการก่อการร้ายในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยอย่างน้อย 3 ข้อพร้อมอธิบายให้เข้าใจ และให้เสนอแนวทางทหารแก้ปัญหาเพื่อยุติสงครามการก่อการร้าย และเหตุรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวด้วย
ตอบ
1.ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ภาคใต้ว่าเป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน เป็นความขัดแย้งที่กินลึกในระดับจิตวิญญาณยาวนาน และคงทนมากที่สุด อันมาจากการขยายอำนาจรัฐของฝ่ายพุทธ เพื่อเข้าไปบีบบังคับ ครอบงำให้ชาวมุสลิมต้องบจำยอมรับการอยู่ใต้อำนาจรัฐ และถูกบับบังคับให้เป็นพลเมืองของรัฐ มากกว่าเป็นมุสลิม ความขัดแย้งจึงพัฒนาขึ้นไปสู่การเผชิญหน้ากันในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่มีการปฏิรูปการปกครอง และความไม่พอใจเพิ่มตีทวีความรุนแรงขึ้นมากที่สุด ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จนเกิดการประท้วงในรูปแบบของการเรียกร้องปกครองตนเอง ๗ ประการ ในปี ๒๔๙๐ โดยหะนีสุหรงอับดุลการเดร์" จนกลายเป็น "กบฎหะยีสุหรง" ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงไม่สามารถยุติได้ด้วยการใช้กำลัง และอำนาจรัฐ เข้าไปปราบปรามเท่านั้น เพราะยิ่งปราบก็ยิ่งสร้างแรงต่อต้าน แต่ต้องยอมรับความจริงว่า มุสลิมในภาคใต้มีความเป็นเจ้าของชุมชน และอดีต และรวมถึงวัฒนธรรมความเชื่อ ศาสนา อันเป็นเฉพาะของตนเอง รัฐไทยจึงต้องปรับเปลี่ยนโลกทรรศใหม่ว่า การสร้างและรักษารัฐไทยต่อไป จะต้องให้สิทธิและเสรีภาพอันสมบูรณ์แก่ชาวมุสลิม ในการจัดการและปกครองชีวิตและชุมชนตนเอง ให้มากและเป็นจริงที่สุด (มติชน ๒๑ ม.ค.๔๗) 2..สภาพทั่วไปเกี่ยวกับพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย ยะลาย ปัตตานี และนราธิวาส
ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศมีพื้นที่รวม 6.79 ล้านไร่ หรือ 10,936 ตารางกิโลเมตร ประชากรประมาณ 1.78 ล้านคน พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิเศษตามประกาศของรัฐบาลคือ มีลักษณะพิเศษในด้านการดำรงชีวิตของประชาชน ทั้งด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ขนบธรรมเนียม ประเพณี สังคม และวัฒนธรรม ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นขาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ใช้ภาษามลายูท้องถิ่นในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นสังคมมุสลิมที่ใช้วัฒนธรรมอิสลามมีวิถีชีวิตเฉพาะที่แตกต่าง ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพ ซึ่งจากความแตกต่างทำให้เป็นเงื่อนไขที่กลุ่มขบวนการนำมาอ้าง เพื่อปลุกกระแสให้เกิดการต่อต้านอำนาจรัฐ และการก่อความไม่สงบในรูปแบบต่าง ๆ มา โดยตลอด
3.สถานการณ์โลกภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์หลังสงครามเย็นก่อให้เกิดวิกฤตการณ์
ความขัดแย้ง ในเรื่องของความแตกต่างในสถานภาพทางด้านเศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และดุลอำนาจทางการเมือง และการทหารของกลุ่มคนทั้งในและนอกประเทศ สถานการณทั่วไปได้เปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพของการเผชืญหน้ากันของอภิมหาอำนาจของโลกที่ควบคุมกระแสโลกาภิวัฒน์กับกลุ่มต่อต้านซึ่งได้ใช้ความเชื่อ ศรัทธา ความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์และความไม่เท่าเทียมกันในสังคมเป็นเงื่อนไข ทำให้สงครามกันในรูปแบบสงครามก่อการร้าย อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงในหลายภูมิภาค และรวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
4.สถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัจจัย
ภายในที่เป็นจุดอ่อนและเงื่อนไขจากความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมเกื้อกูลให้กลุ่มขบวนการต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศแสวงประโยชน์ขจากการแอบอ้างศาสนาเข้าไปปลูกฝังอุดมการณ์ให้กับเยาวชน เพื่อสืบทอดในรุ่นต่อไป ประกอบกับสภาพพื้นที่พรมแดนไทย – มาเลเชีย ง่ายต่อการหลบหนี หลังจากก่อเหตุร้าย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการก่อความไม่สงบมีลักษณะกระจายในหลายพื้นที่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจะตอบโต้ ก่อกวน สร้างความสับสนต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจะส่งผลด้านจิตวิทยาและความเชื่อมั่นของประชาชน
5.สำหรับปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจาก
กระแสในตะวันออกกลางต่อต้านชาติตะวันตก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา อาจทำให้กลุ่มก่อการร้ายเข้ามาแสวงประโยชน์จากสถานการณ์ในภาคใต้
6.เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง มีสาเหตุมาจากกลุ่มขบวนการต่าง ๆ กลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น กลุ่มอิทธิพลการเมือง และการไม่สามารถแก้ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก อันเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ต้องพบอุปสรรคคือ ไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนปัญญาที่เกิดขึ้นยากต่อการแก้ไขและทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น
7.จากสภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในปัจจุบันยังมีลักษณะต่างหน่วยต่างทำ การควบคุมบังคับบัญชา และการติดต่อสื่อสารขาดประสิทธิภาพ การทำงานเป็นไปในลักษณะตั้งรับ ไม่มีการปฏิบัติงานในเชิงรุก ทำให้ข้าราชการเสียขวัญประชาชนไม่มั่นใจ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงต้องเร่งทำลายโครงสร้างของกลุ่มขบวนการต่าง ๆ ให้รัฐสามารถพัฒนาและสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
แนวทางทหารเพื่อแก้ปัญหาเพื่อยุติสงครามการก่อการร้าย และเหตุรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น มีดังนี้
การปฏิบัติการทางทหาร
1.เป็นการใช้กำลังขนาดเล็ก ภายใต้ การจัดตั้ง ที่แน่นอน ระดมกำลังเฉพาะกิจ เข้าตีเร็วถอยเร็ว
การรบในรูปแบบนี้ กำลังหน่วยรบ ไม่ได้มีการจัดตั้ง ฐานที่มั่น กำลังรบอยู่ตามบ้านในหมู่บ้านเมื่อจัดตั้งสืบสภาพก่อนตี หาข่าวหลังตีประสานแนวร่วมสนับสนุนเรียบร้อยแล้ว ก็จะ กำหนดแผนการเข้าตี จากนั้นจัดตั้งก็จะเรียก ระดมพล
แนวทางการต่อสู้
1.ส่งกำลังทหารทั้งประจำการ และอาสาสมัครทหารพรานซึ่งต้องมีคนพื้นที่เข้าไปตั้งอยู่ในหมู่บ้านพื้นที่สีแดงทั้งหมด สำรวจทะเบียนราษฎร์และสำรวจคนอยู่จริง เพื่อกดดันไม่ให้ กำลังรบ ซึ่งเป็นทหารบ้านสามารถรวมตัวกันได้เมื่อจัดตั้งเรียกระดมพล และหากสามารถรวมตัวกันเข้าตีจุดหนึ่งจุดใดได้ ก็ต้องเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน เพราะการเคลื่อนกำลังไกลเกินไปจะถูกตรวจพบได้ก่อนและเมื่อเกิดการเข้าตีเป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม กองกำลังทหารที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านบริเวณนั้นก็ต้องเข้าตรวจสภาพพื้นที่ เพื่อดูว่ามีใครหายออกไปจากบ้านบ้าง ก็จะทำให้ กำลังรบ นั้น แดง หรือเผยตัวขึ้น ซึ่งจะเป็นการกดดันให้ผู้ที่เผยตัวหลบหนีออกจากพื้นที่ หรือไม่ก็สามารถควบคุมตัวได้ ต้องตระหนักว่ากำลังทหารที่เข้าไปอยู่ในหมู่บ้านต้องใช้การเมืองนำการทหารต่อมวลชน แม้จะเป็นมวลชนที่เป็นแนวร่วมก็ตาม
2.ประกาศเคอร์ฟิวในหมู่บ้านพื้นที่สีแดงทั้งหมดเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว
ภายใต้แนวทางนี้จะทำให้สามารถ จำกัดการเคลื่อนย้ายของกำลังรบ และพื้นที่กำลังรบ ให้เป็นไปตามที่อำนาจรัฐเป็นผู้กำหนด
3.มีหน่วยปฏิบัติการขนาดเล็กไล่ล่าเพื่อกดดัน กำลังรบ ที่เข้าปฏิบัติการทุกครั้ง เพื่อให้รู้ว่า อำนาจรัฐ มีกำลังเหนือกว่า ไม่ให้กำลังรบฮึกเหิม
การปฏิบัติการสงครามข่าวสาร
ฝ่ายก่อการร้ายแทบไม่ต้องทำอะไรเลย สื่อ ก็เป็นผู้แพร่ข่าวด้านกลับให้ทุกครั้งที่ปฏิบัติการ เพราะทันทีที่ข่าวออกไปทำให้ฝ่ายก่อการร้ายบรรลุยุทธศาสตร์ที่ต้องการให้เกิด ความเชื่อว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นจนเกินอำนาจรัฐจะควบคุม นอกจากนั้น มวลชนในพื้นที่ ก็จะหวาดกลัว หันมาเป็นแนวร่วมหรือให้ความร่วมมือกับฝ่ายก่อการร้ายมากขึ้น หรือแนวร่วมที่เห็นดีเห็นงามอยู่แล้วก็จะฮึกเหิมขึ้น ยิ่งอำนาจรัฐรุกด้วยแนวทางการเมืองมากเท่าใด การปฏิบัติการ เพื่อให้เกิด ข่าวสาร ก็จะยิ่งมากขึ้น
แนวทางการต่อสู้
อำนาจรัฐจะต้อง บริหารข่าวสาร การสู้รบและการปฏิบัติการในพื้นที่ ทุกวันและตลอดเวลา ภายใต้หลักการที่ว่า เสนอข่าวสารที่ต้องการ และ หยุดข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตรงข้าม
โดยมีวิธีการดังนี้
1.การบริหารข่าวสาร ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.1 ข่าวสารต่อประชาชนทั่วไป และต่างประเทศ
1.2 ข่าวสารต่อประชาชนในพื้นที่
2.ทำให้อำนาจรัฐมี ศูนย์กลางการเผยแพร่ข่าวสาร เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพื่อควบคุมการไหลของข่าวสารให้เป็นไปตามต้องการ ห้าม เจ้าหน้าที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้ข่าวอย่างเด็ดขาด ใครให้ข่าวจะถือว่าผิดวินัย แนวทางนี้จะทำให้ สื่อมวลชน จะค่อยๆ หันมาให้ความสำคัญกับ ศูนย์ฯ
3.ประสานงานทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนในทุกระดับ
3.1 ผู้สื่อข่าวพื้นที่
3.2 ผู้สื่อข่าวสายการเมือง สายทหาร
3.3 บก.ข่าวการเมือง สายทหาร
3.4 หน.กอง บก.บรรณาธิการบริหาร
3.5 เจ้าของกิจการ
ในเรื่องข้อเท็จจริง และยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้สื่อมวลชนกลายเป็นแนวร่วมเชิงรุกและไม่เป็นแนวร่วมด้านกลับ
4.จัดตั้งหรือใช้สื่อที่มีอยู่ในพื้นที่ สื่อสารกับคนพื้นที่ โดยเฉพาะ เพื่อทำการบริหารข่าวสารในเชิงรุกทุกวันและทุกเวลา
4.1 ใช้เครื่องมือวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งทำเป็นภาษามลายูอยู่แล้ว ขยายผลในเชิงปฏิบัติการคือตอบสนองมวลชน ทันทีที่มีการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา โดยตั้งเป้าหมายเฉพาะกิจมีความคล่องตัวทำได้ทันที
4.2 จัดทำโทรทัศน์ภาษามลายู มีทั้งสาระ บันเทิง เพื่อเข้าถึงคนในพื้นที่โดยให้เอกชนทำแต่บริหารข่าวสารให้เป็นไปตามที่ต้องการ
การจัดตั้ง
การทำสงครามปฏิบัติการก่อการร้าย หรือการทำสงครามกองโจร การจัดตั้งจะเป็นหัวใจสำคัญสุดในการขับเคลื่อนองค์การทั้งหมด (ดังแผนผังที่ 1) ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ (ดูแผนผังที่ 3)
องค์การจะขยายงานโดย การปิดลับ ในรูปแบบของหน่วยจัดตั้ง กองกำลัง หรือ ผู้ปฏิบัติงาน จะรู้จักบุคคลเฉพาะในหน่วยเท่านั้น เพื่อป้องกันการ เสียลับ ซึ่งหากถูกจับกุมหรือมีปัญหาก็จะมีปัญหาเฉพาะในหน่วยย่อยเท่านั้น ในแต่ละหน่วยจะมี แกนจัดตั้ง หนึ่งคน ซึ่งจะไปรวมกับระดับชั้นบนขึ้นไปอีกเป็นอีกหน่วยหนึ่งและในหน่วยนั้นก็จะมีแกนจัดตั้งอีกหนึ่งคนเป็นชั้นบนเป็นดังนี้ไปเรื่อยๆ
การจัดตั้ง ทำให้สงครามก่อการร้ายหรือสงครามปฏิวัติมีศักยภาพที่แท้จริง
แนวทางการต่อสู้
1.ควบคุมพื้นที่และการสื่อสารไม่ให้จัดตั้งแต่ละหน่วยติดต่อกันได้
2.ทำลายการจัดตั้งให้ขาดต่อกันไม่ติด เพื่อลดประสิทธิภาพขององค์กรลงโดยการแทรกซึมปะปน
การข่าว งานการข่าวของผู้ปฏิบัตินั้นจะอาศัยแนวร่วมและมวลชนเป็นหลัก ดังนั้นหากอำนาจรัฐอ่อนไม่น่าเชื่อถือหรืออำนาจรัฐกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชน ก็จะทำให้งานการข่าวของฝ่ายปฏิวัติมีประสิทธิภาพ เพราะมวลชนและแนวร่วมยินดีให้ความร่วมมือ
แนวทางการต่อสู้
แทรกซึมปะปน จัดตั้งมวลชนทั้งลับและเปิดเผยลงในพื้นที่ที่ได้มีการแบ่งแยกในความหนักเบาของอำนาจฝ่ายปฏิบัติมีอยู่ในระดับไหน
ในการนำเสนอดังกล่าวนี้เป็นแนวทางการต่อสู้กับ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่มี องค์กรจัดตั้ง ส่วนในภาคประชาชนโดยรวมนั้นยังจะต้องใช้แนว พระราชดำริ ที่ว่า เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา อย่างต่อเนื่องนั้นคือ เข้าใจ ต่อ ศาสนา ที่ประชาชนนับถือ เข้าถึง ต่อ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและความเป็นไปที่แตกต่าง พัฒนา ชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนให้พ้นจากความยากจน
.........................................................................................................................
ให้ท่านอธิบายปัญหาการก่อการร้ายร้ายในเขตชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด ตามหัวข้อดังนี้
1.1 สาเหตุของการก่อการร้าย ( สาเหตุของปัญหา)
- ระดับสากล(การขัดแย้งทางศาสนา ปัญหาเชื้อชาติ และปัญหาในระดับภูมิภาค
- ระดับประเทศ(หน่วยราชการที่ปฏิบัติงานต่างๆในพื้นที่)
- ระดับท้องถิ่น(ปัญหาต่างๆในท้องถิ่น)
1.2 แนวทางการแก้ปัญหา
- ระดับยุทธศาสตร์
- ระดับยุทธวิธี
2. ให้ท่านอธิบายหลักการ และการปฏิบัติในการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันในการแก้ปัญหาการก่อการร้าย ตามหัวข้อดังนี้
2.1 การเตรียมการเมื่อท่านต้องเป็นผู้เจรจา
2.2 ลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เจรจา
3.ปัญหาการก่อการร้ายเป็นภาวะวิกฤตอย่างหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ผู้บริหารต้องใช้หลักการบริหารที่แตกต่างไปจากภาวะปกติ ให้ท่านอธิบายรายละเอียดการก่อการร้าย ตามหัวข้อ 4 ประเด็น ดังนี้
1. สาเหตุของสงครามการก่อการร้าย
2. ยุทธศาสตร์ของการก่อการร้าย
3. ยุทธวิธีของการก่อการร้าย
4. ภาวะวิกฤตด้านความมั่นคงมักเกิดจากปัญหาการก่อการร้ายสากลที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงเป็นขบวนการทั่วโลกที่มุ่งทำลายผลประโยชน์ของประเทศสหรัฐอเมริกา และอังกฤษเป็นหลัก ในฐานะที่ท่านได้ศึกษาเรื่องการต่อต้านด้านการก่อการร้ายสากลมาโดยละเอียดแล้ว ให้ท่านตอบปัญหา 2 ข้อดังนี้
1.ให้อธิบายสาเหตุการก่อการร้ายสากลซึ่งประกอบด้วยปัญหาทางด้านศาสนาเชื้อชาติ และปัญหาในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองและปัญหาอื่น ๆ ในแต่ละภูมิภาค (ให้อธิบายโดยละเอียด)